Learning log
( In class )
จากการที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียน ดิฉันได้เรียนรู้ในเรื่อง noun clause หรืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เสมือนกับคำนาม
ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เราจะสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ได้ดีนั้น
จะต้องอาศัยความรู้และเทคนิคในหลากหลายด้านประกอบเข้าด้วยกัน
และการฝึกฝนด้านไวยากรณ์ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถรู้จักและเข้าใจต่อไวยากรณ์ในเรื่องนั้นๆ
ซึ่งในบางครั้งการทำความเข้าใจ ต่อเนื้อหาของไวยากรณ์อาจจะค่อนข้างใช้เวลานาน
เพราะไวยากรณ์นั้นมีเนื้อหาที่ยากและซับซ้อน
และในบางเรื่องมันก็ค่อนข้างที่จะมีการยกตัวอย่างประโยคที่คล้ายกัน
ถ้าบุคคลนั้นไม่มีความเข้าใจในเนื้อหาก็จะไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อนุประโยคนี้เป็น
clause ประเภทไหน และจากการที่เรียนรู้เรื่อง noun clause ไปนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะเราจะได้เรียนรู้และสามารถสังเกตได้ว่า clause
ใดเป็น noun clause บ้าง
ซึ่งมีลักการสังเกตดังต่อไปนี้
Noun clause is a dependent clause that functions as a noun.
>>> Tom yum kung is fine with me. ( Tom
yum kung …noun acting as subject ) >>>Whatever
you want is fine with me.( whatever you want… noun clause acting as
subject ) Noun clause ทำหน้าที่เสมือนเป็นคำนามในประโยค
ในชีวิตประจำวันเราอาจได้ยินหรือใช้ noun clause โดยไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังใช้
noun clause อยู่ ตัวอย่างเช่น Somsak thinks he had better stop smoking now. ประโยคเต็มและเป็นทางการคือ Somsak thinks ( that ) he had better
stop smoking. สมศักดิ์คิดว่าเขาควรจะหยุดสูบบุหรี่ได้แล้วตอนนี้ I
don’t understand Nadej want to convey. ระโยคที่เป็นทางการคือ I don’t understand ( what ) Nadej want to convey.
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่ณเดชต้องการจะสื่อเลย
การใช้ noun clause ให้ถูกต้องถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
โดยเฉพาะในส่วนของ writing และ speaking เมื่อ noun clause ทำหน้าที่เสมือนคำนาม ดังนั้น noun clause จึงสามารถปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่คำนามปรากฏได้ทุกตำแหน่ง
คือ ประธาน ( subject ) และ กรรม ( object ) เราสามารถสังเกตว่าคำไหนเป็นประธานหรือกรรมได้ดังนี้ หรือว่า Types
of Noun clause 1.) Subject NC มีตำแหน่งอยู่หน้าประโยคหรือหน้ากริยาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
2.) Direct Object NC
มีตำแหน่งอยู่หลังกริยา ทำหน้าที่เป็นกรรม 3.) Object of Preposition NC มีตำแหน่งอยู่หลังบุพบท ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุพบท 4.) Subject of
Complement NC มีตำแหน่งอยู่หลัง V to be ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายประธาน
1.) Subject Noun Clauseโดยปกติแล้วคำนามหรืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นประธาน
ในประโยคมักจะปรากฏอยู่หน้ากริยาหรือหน้าประโยค ตัวอย่างเช่น What clause so many
difficulties in the IELTS test is the writing section. จากประโยคข้างต้น
What clause so many difficulties in the IELTS test เป็น noun
clause อยู่หน้าประโยค ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค 2.) Direct Object Noun Clause ตัวอย่างประโยคเช่น I suggest you that you
should go to movie with me tonight. ผมแนะนำว่าคุณควรจะไปดูหนังกับผมคืนนี้ จากประโยคข้างต้น ส่วนที่ขีดเส้นใต้อยู่หลังกริยา
suggest เป็นกรรมตรง ( Direct Object ) ของ suggest ตามหลังกรรมรอง ( Indirect
object )
3.) Object
of the preposition Noun Clause … Yaya is always proud of where she was born.
ญาญ่าภูมิใจในบ้านเกิดของตนเองเสมอ จากประโยคข้างต้น where
she was born เป็นคำนา มีตำแหน่งอยู่หลัง บุพบท (
Preposition ) of ทำหน้าที่เป็นกรรมของ of 4.)
Subject as Complement Noun Clause
….The stability of life is what James Ji wants the most in this life. ความมั่นคงในชีวิตคือสิ่งที่
เจมส์จิ ต้องการมากที่สุด จากประโยคข้างต้น what James Ji wants the most
in this life. มีตำแหน่งอยู่หลังกริยา
( V to be ) is ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายหรือเป็นส่วนสมบูรณ์ของประธาน
The stability of เพื่อบ่งชี้หรือขยายความ The
stability of life
ประเภทของ Object Noun Clause…. Object Noun Clause จะต้องอยู่คู่กับ
Main Clause ของประโยคเสมอโดยประโยคจะเริ่มด้วย Main
Clause แล้วตามด้วย Object Noun Clause โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย
comma คั่น Object noun clause มี 3
ประเภทได้แก่ 1.) Noun
Clause ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า that… ใช้ตามหลัง Verb
บางตัวที่แสดงความรู้สึก ความคิด หรือ ความคิดเห็น เช่น agree
feel , know, remember, believe, forget, อย่างเช่น Sompong know all along that his mum loves him so much. ….ถ้าเป็นภาษาพูดมักจะละคำว่า
that ซึ่งเป็นคำขึ้นต้น clause อย่างเช่น I think it’s red, not
green. 2.) Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย
Wh-words ได้แก่คำว่า what where when why how อย่างเช่น I khow why she come home very late. Can you tell me what time show starts.
3.) การใช้ noun
clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether
ตัวอย่างเช่น Did they pass the exam? ( Direct Question ) I
don’t khow if they passed the exam
( Indirect Question ) …การละ “ that ” ในประโยค Noun Clause สามารถละได้ดังนี้ กรณีที่ noun clause เป็น object อย่างเช่น We believe ( that ) he told the truth. กรณีที่ noun clause เป็น subject complement อย่างเช่น The reason is ( that) he
speaks English fluently. ตามหลังคำคุณศัพท์ อย่างเช่น I am
sure ( that ) he can get a good job.
จากสิ่งที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียนเรื่อง
noun clause ทำให้มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
จนทำให้สามารถสังเกตและใช้ noun clause ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
และยังทำให้ สามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น